คุณรู้จักแจ๊ค หม่าไหมครับ
จากครูบ้านๆธรรมดากลายมาเป็นเจ้าพ่อ E-comerce ของ Alibaba ที่มีมูลค่ามหาศาล
แบบนับตัวเลขกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว
คำถามคือ อะไรที่ทำให้เขาแตกต่างและประสบความสำเร็จแตกต่างจากคนอื่นทั้งๆที่จะว่าไป เขาเองก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนอื่นและล้มเหลวมาก็เยอะ
แจ๊คหม่ามักจะพูดเสมอว่า เขามาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย
ผมนั่งฟังปาฐกถาของเขาด้วยใจจดจ่อว่า อะไรนะที่ทำให้มีแจ๊คหม่าขึ้นมาในวันนี้
“คุณรู้มั๊ย ผมเคยสอบตกมาหลายครั้ง ทั้งระดับประถมและมัธยม
สอบเข้ามหาวิทยาลัยถึง 3 ที่แต่ก็สอบไม่ติด จนไปสอบติดที่มหาวิทยาลัยครู
พอเรียนจบแล้วอยากมีเงิน ก็ไปสมัครงาน 30 กว่าที่ ก็ไม่มีที่ใหนรับ
ตอน KFC มาเปิดใหม่ๆที่จีน ไปสมัคร 24 คน เขารับ 23 คน และผมเป็นคนเดียวที่เขาไม่รับ
ไปสมัครสอบตำรวจ 5 คน เขารับ 4 คน และผมก็เป็นคนเดียวที่สอบไม่ติดอีก
สุดท้ายผมสมัครเป็นครูมหาวิทยาลัย ได้เงินเดือนประมาณ 10 ดอลล่า
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากพอตัว”
แจ๊คหยุดช่วงเวลานี้ไว้พร้อมกับสาดสายตาไปทั่วห้อง
“แต่คุณรู้ไหม” แจ๊คพูดขึ้นมาพร้อมกับที่ผมลุ้นตัวโก่งว่าเขาจะพูดอะไร
“ผมไม่เคยบ่นเลย ผมยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่า
เราอาจจะยังไม่ดีพอ และคิดอยู่เสมอว่า มันมีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษรอผมอยู่”
คำพูดนี้เล่นเอาผมขนลุกเลยครับ รู้แล้วว่านี่เองที่ทำให้มีแจ๊คหม่าในวันนี้
คนล้มเหลวทั่วไปก็คือคนที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แล้วก็เริ่มบ่น คร่ำครวญ นั่นก็เพราะเขาไม่สามารถรับมือกับความเจ็บปวดได้
เขาจึงต้องโยนความผิดเหล่านี้ไปให้คนอื่น หรือสิ่งอื่นๆ เป็นอาการของคนที่ไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้
แล้วแจ๊คล่ะ นอกจากเขาไม่บ่นแล้วเขายังหันมามองดูตัวเองว่าเขายังขาดอะไร
นี่คือปรากฏการณ์ของคนที่เข้าควบคุมชีวิตของตัวเองได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์
เมื่อไหรก็ตามที่เราควบคุมชีวิตตัวเองได้ เมื่อนั้นความสุขความสำเร็จก็เปิดทาง
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แจ๊คยืนหยัดต่อความยากลำบากอยู่ได้นั่นก็คือ
การมองอนาคตในแง่บวก เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรที่ยากลำบากกับเขา
เขาก็มีความเชื่อว่า มันมีบางอย่างที่พิเศษรอเขาอยู่ ถ้าเขาผ่านช่วงยากลำบากนี้ไปได้
ลองนึกถึงตัวคุณเองสิครับ หากวันนี้คุณเจอเหตุการณ์เลวร้ายถาโถมประเดประดังเข้ามาทุกทิศทาง แล้วคุณบอกตัวเองว่า
“ทุกครั้งที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นก็เพื่อผลักดันฉันไปสู่จุดที่ดีสุดยอดกว่าเดิมเสมอ”
คุณว่าคุณจะรู้สึกยังไงและคุณจะทำอะไรต่อ เมื่อ เปรียบเทียบกับคำพูดที่ว่า
“ทำไมเรื่องเลวร้ายยังงี้ถึงเกิดขึ้นกับฉัน”
“เมื่อเราหยุดบ่นเราก็จะมีเวลามองหาโอกาสทันที” แจ๊คเริ่มพูดต่อ
“ผมเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวผมเองจากการรับจ้างเป็นไกด์
ผมเรียนรู้ที่จะเปิดโลกและใช้สมองผมให้มากที่สุด
ทุกสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมา ผมมักจะตั้งคำถาม 3 ข้อ”
ผมนี่หูผึ่งรอฟังคำถามของแจ๊คเลยครับ เพราะผมรู้ว่า
การตั้งคำถามที่ดีนั้น สามารถสร้างผลลัพ์ที่แตกต่างให้กับชีวิตเราได้อย่างมหาศาล
“หนึ่ง มันเป็นเรื่องจริงไหม
สอง มันมีโอกาสอะไรซ่อนอยู่บ้าง
สาม มันมีอะไรที่ฉันสามารถทำให้แตกต่างไปจากนี้ได้บ้าง”
ผมนี่ยอมใจเลยครับกับ 3 คำถามนี้เพราะมันสุดยอดมาก
เหตุผลก็เพราะว่า คำถามแรกเป็นการตัดอารมณ์และความรู้สึกออกจากเรื่องราว
คนเราพอได้ยินได้ฟังอะไรมักจะตัดสินบนความเชื่อเดิมของตัวเองก่อนว่า
“ใช่” หรือ “ไม่ใช่” “จริง” หรือ “ไม่จริง” “ดี” หรือ “ไม่ดี” แล้วจะใส่อารมณ์ร่วมไปด้วย
ทำให้ไม่สามารถแยกเรื่องได้ว่าอันใหนจริงอันไหนปลอม
สุดท้ายจะตัดสินเรื่องราวไปตามอารมณ์
คำถามก็คือว่า “คุณเชื่อมั่นได้แค่ใหนว่าทุกครั้งที่คุณตัดสินใจตามอารมณ์แล้วคุณได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการเสมอ”
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณลองตั้งคำถามหาความจริงก่อน แล้วตามด้วย “มันมีโอกาสอะไรซ่อนอยู่”
สมองมนุษย์มหัศจรรย์มากครับเมื่อคุณตั้งคำถามอะไรให้ตัวเอง เขาก็จะหาคำตอบมาให้
เมื่อเห็นโอกาสแล้วคุณจะทำโอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์กับคุณยังไง
ก็ลองดูว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะทำให้มันแตกต่างออกไปยังไง
และนั่นเองก็คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของแจ๊ค
“มีหลายคนมาบ่นกับผมว่า เงินหายากเศรษฐกิจไม่ดี อันนี้ก็ทำไม่ได้ อันนั้นก็ทำไม่ได้
คุณรู้ไหมวันที่ก่อนหน้าที่ผมจะนำบริษัทผมเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น
มีแต่คนบ่นกับผมว่า อันนี้ไม่ดี โมเดลธุรกิจไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้
แต่หลังที่ผมทำ Alibaba จนประสบความสำเร็จ
มีแต่คนมาบอกผมว่า คุณเก่งมาก ช่างเป็นโมเดลธุรกิจที่ดี
ผมรู้จัก อินเตอร์เนทครั้งแรก 1994 และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเห็นโอกาส
ถึงแม้จะมีหลายคนบอกว่า ไม่เข้าท่า เป็นไปไม่ได้
แต่จากประสบการณ์ของผมที่ได้รู้จักพูดคุยกับคนสำคัญของโลก
ไม่ว่าจะเป็น บิลล์ เกต วอเร้น บัปเฟท มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
ทุกคนล้วนแล้วแต่มี ความคาดหวังที่ดีต่ออนาคต”
แจ๊คพูดปิดท้ายพร้อมกับส่งสายตาเชิญชวนให้ทุกคนมองโลกอนาคตในเชิงบวก
“และนั่นก็ทำให้ผมมีวันนี้ “ แจ๊คไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ผมสรุปให้แจ๊คเอง
ทันที่ที่คุณหยุดบ่นแล้วหันมามองตัวเอง
เมื่อนั้นคุณก็เริ่มเข้ามาควบคุมชีวิตคุณเองได้แล้ว
มองไปที่อนาคตอันสดใสและหาโอกาสอยู่เสมอ
เมื่อนั้นความสำเร็จก็จะอยู่ในมือคุณ
#โค้ชเพียว
#นักสร้างสมองแห่งความสำเร็จ